Skip to main content

For English please scroll to the bottom

พงศธรณ์ หรือ ‘สหายบอย’ หนึ่งในนักกิจกรรมแนวร่วมนิสิตมมส.เพื่อประชาธิปไตยเล่าถึงการก่อตั้งกลุ่มของพวกเขาว่า ก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวประเด็นทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามหรือในมหาวิทยาลัยมหาสารคามค่อนข้างเงียบแต่ก็มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะ ๆตามสถานการณ์ทางการเมือง

ความเคลื่อนไหวครั้งแรกๆที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งถึงสองปีให้หลังมานี้เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2562 หลังกกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่กรณีกู้เงินหัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจประกาศจัดชุมนุมในรูปแบบแฟลชม็อบ “ไม่ถอยไม่ทน” ที่สกายวอล์กปทุมวัน ในวันที่ 14 ธันวาคม 2562 ตัวเขาจึงอยากลองจัดกิจกรรมในพื้นที่มหาสารคามคู่ขนานไปด้วย แต่ครั้งนั้นเป็นการจัดกิจกรรมในนามส่วนตัว เขาใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์นัดหมายให้คนมาชุมนุมที่ลานแปดเหลี่ยมในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งปรากฎว่าเมื่อถึงวันก็มีคนมาร่วมกิจกรรมประมาณ 50 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนิสิต

หลังกิจกรรมครั้งดังกล่าวพงศธรณ์กับเพื่อนอีกกลุ่มได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “แล่นลักลุง” คู่ขนานกับกับกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่กรุงเทพ แต่หลังจากนั้นเขากับเพื่อนก็คุยกันว่าหากจัดการเคลื่อนไหวในนามส่วนตัวหรือทำแบบต่างคนต่างทำ การเคลื่อนไหวก็ไม่น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้มากนัก จึงตกลงกันว่าควรมีการก่อตั้งองค์กรอย่างเป็นกิจจะลักษณะ

จากนั้นพงศธรณ์จึงตระเวนคุยกับนักกิจกรรมและเพื่อนคนอื่นๆที่มีความสนใจเหมือนกัน และประกาศจัดตั้ง “แนวร่วมนิสิตมมส.เพื่อประชาธิปไตย” โดยหวังว่าการก่อตั้งกลุ่มจะช่วยเปลี่ยนพื้นที่ทางความคิดทั้งในมหาวิทยาลัยและสังคมข้างนอก แม้ว่าในมหาวิทยาลัยมหาสารคามจะมีกลุ่มกิจกรรมนิสิตอยู่บ้าง แต่ก็ยังขาดองค์กรนำที่เข้มแข็งที่จะเป็นเสาหลักในให้กับกลุ่มกิจกรรมต่างๆในมหาวิทยาลัย โดยทางแนวร่วมใช้เพจ แนวร่วมนิสิต มมส. เพื่อประชาธิปไตย เป็นช่องทางการสื่อสารหลัก

หลังปี 2557 กลุ่มที่เคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยต้องประสบปัญหาอุปสรรคในการทำงาน บางกลุ่มถูกตัดงบประมาณ บางกลุ่มก็ยุติบทบาทไป บางกลุ่มที่ยังหลงเหลืออยู่ก็มีขนาดเล็กและไม่ได้ขับเคลื่อนประเด็นการเมืองระดับชาติหรือทำงานลงพื้นที่กับชาวบ้าน กิจกรรมส่วนใหญ่เหลือเพียงการออกค่ายอาสาเสียเป็นส่วนใหญ่ พงศธรณ์จึงหวังว่าการจัดตั้งองค์กรอย่างแนวร่วมมมส.ฯ น่าจะช่วยทำให้การเคลื่อนไหวในพื้นที่มีความแหลมคมยิ่งขึ้น

เมื่อแรกก่อตั้งช่วงต้นปี 2563 แนวร่วมมมส.ฯมีสมาชิกเริ่มต้นราว 6 คน จากนั้นจึงค่อยๆขยับขยายจนช่วงเดือนปลายปี 2563 มีสมาชิกที่แอคทีพประมาณ 20 คน กิจกรรมแรกที่จัดในนามกลุ่มได้แก่การชุมนุม “สารคามเผด็จการบ่ต้อง” ที่ลานแปดเหลี่ยม มหาวิทยาลัยมหาสารคามเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 1000 คน โดยผู้เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนั้นก็มีความหลากหลายทั้งศิษย์เก่า นิสิตปัจจุบัน รวมทั้งเด็กมัธยมและประชาชนทั่วไป โดยเป้าหมายหนึ่งของการชุมนุมครั้งนั้นได้แก่การชี้ให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมของกระบวนการตุลาการที่สั่งยุบพรรคการเมืองหลายพรรค ไม่ใช่แค่พรรคอนาคตใหม่ แต่รวมถึงพรรคอื่นๆ เช่น พรรคไทยรักษาชาติ พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน เป็นต้น

ระหว่างที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกแรก ทางแนวร่วมได้ทำกิจกรรมแจกแอลกอฮอล์ล้างมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะช่วงที่เจลแอลกอฮอล์ขาดตลาด ในช่วงนั้นก็มีการประสานงานกันกับสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทยหลังเกิดกรณีการหายตัวของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยการเมืองชาวไทยในเดือนมิถุนายน 2563 ทางกลุ่มได้ไปร่วมติดป้ายตามหาวันเฉลิมตามที่ต่าง ๆในอีสาน และในวันครบรอบ 88 ปี การอภิวัฒน์สยาม ในวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ทางแนวร่วมก็จัดกิจกรรมอ่านประกาศคณะราษฎร ที่ครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 20 - 30 คนเท่านั้นแต่กลับมีตำรวจเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการทำกิจกรรมครั้งนั้นยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้จัดแต่อย่างใด

หลังจากนั้นในวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ทางเครือข่ายจัดกิจกรรม “อีสานสิบ่ทน” โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 3,000 – 4,000 คน ซึ่งทางเครือข่ายได้ทำงานประสานกับกลุ่มอื่น เช่น เด็กสาธิตมมส. กลุ่มคนเสื้อแดง และเครือข่ายกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆทั้งในอีสานและพรรคโดมปฎิวัติจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กิจกรรมครั้งนั้นดำเนินไปด้วยดีแต่ในภายหลังกิจกรรมนี้พงศธรณ์ในฐานะผู้ร่วมจัดกิจกรรมถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน

แม้จะมีสมาชิกถูกดำเนินคดีแต่ทางแนวร่วมก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและเมื่อมีการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพสมาชิกเครือข่ายบางส่วนก็จะมาร่วมการชุมนุมด้วยทั้งในฐานะผู้ชุมนุมและในฐานะผู้ปราศรัยแล้วแต่โอกาส โดยพงศธรณ์เองก็ถูกตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 จากการขึ้นปราศรัยที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่

สำหรับเสื้อของทางกลุ่ม เป็นเสื้อพื้นดำพิมพ์ข้อความ พึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน ไม่ใช่เผด็จการ ซึ่งดัดแปลงมาจากคติพจน์ประจำมหาวิทยาลัยที่ว่า “ผู้มีปัญญา พึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน”

เรื่องโดย รดารัตน์ ศุภศรี

ภาพทั้งหมดมาจากเพจ แนวร่วมมมส. ยกเว้นภาพเสื้อถ่ายโดยพิพิธภัณฑ์

Holding Number  SHT-POL-0030

 

T-Shirt Stories: United Front of Mahasarakham University for Democracy

 

Pongsathorn or “Comrade Boi,” one of the activists of the United Front of Mahasarakham University for Democracy, explained the origins of their group. Previously, there were periodical episodes of struggle, but there was relatively little activism around politics in Mahasarakham province or at Mahasarakham University. 
 

The first event that took place was in December 2019 when the Office of the Election Commission decided to ask the Constitutional Court to consider dissolving the Future Forward Party on the basis that they borrowed funds from the leader of the party, Thanathorn Juangroongruangkit. There was an announcement that a flash mob, “No Retreat, Not Gonna Take It” was going to be held on the Pathumwan Skywalk in Bangkok on 14 December 2019. Pongsathorn decided to organize an action in Mahasarakham at the same time. This time he organized the event personally; he used his personal Facebook account as a channel to advertise the location, which was the Octagon Field at Mahasarakham University. Approximately 50 people joined the event, most of whom were university students.
Pongsathorn and his friends then organized another event, “Chase Out the Uncles,” at the same time as “Run Against Dictatorship” in Bangkok. After this action, he and his friends concluded that it would be difficult to create waves in society if they organized events piecemeal. They decided to create a organization.

Next, Pongsathorn discussed ideas with other activists and friends. They announced the formation of the “United Front of Mahasarakham University for Democracy.” Their hope was that the group would aid in changing ideas and creating space for new ideas within the university and society.  Even though there were student groups at Mahasarakham University, they lacked a student organization that provided a center for various activities. They created a Facebook page and used it as their primary means of communication.

After 2014, university student groups that campaigned for democracy faced problems and obstacles to their work. Some groups had their funding cut. Some groups stopped having a role. Some groups that remained were small and were unable to advocate on national political issues and worked in local areas with villagers. The majority of activities that took place were development and other camps. Pongsathorn wanted to make the activism on the ground sharper and more relevant.

When they were first established at the beginning of 2020, the United Front of Mahasarakham University for Democracy had 6 members. Then, by mid-2020, they had around 20 active members. The actions organized in the name of the group included the “Mahasarakham Does Not Want Dictatorship” demonstration at the Octagon Field on the university campus on 27 February 2020. No less than 1000 people joined the protest and encompassed a wide range, including alumni, current students, secondary school students and other people. One of the goals of the demonstration was to illuminate the injustice of the judicial process that led to the dissolution of many political parties, not only the Future Forward Party, but also the Thai Raksa Chat Party, Palang Prachachon Party, and others.

During the first wave of the COVID-19 pandemic, the United Front distributed hand sanitizer to reduce the hardship faced by people living in the area around the university, particularly at a time when hand sanitizer was difficult to find. During that period, they also got in touch with the Student Federation of Thailand. After the disappearance of Wanchalearm Satsaksit, a Thai exile, in June 2020, they put posters about him up at universities across Isan. On the 88th anniversary of the transformation from absolute to constitutional monarchy on 24 June 2020, they organized an event to read the Declaration of the People’s Party; even though only 20-30 people participated in the event, there was a very heavy police presence. Despite the police presence, there were no arrests.

Then, on 22 July 2020, the United Front formed a network with others to organize the “Isan Won’t Take It” demonstration in which 3000-4000 people participated. The network also included students from the Mahasarakham Demonstration School, red shirt groups, and other activist groups from across Isan as well as the Dome Revolution Party from Thammasat University. The demonstration went well, but Pongsathorn, as one of the organizers, was prosecuted for violation of the Emergency Decree.

Even though some of the members have had criminal cases brought against them, the United Front of Mahasarakham for Democracy continues its activism. When protests take place in Bangkok, they join as both participants and speakers as part of a broader network of activists. Pongsathorn himself is facing an Article 112 case from speaking at a demonstration in front of the Siam Commercial Bank Headquarters.

The t-shirts made by the group are black t-shirts with “Live for the Masses, Not the Dictators” printed on them; this is a modification of the university’s motto, which is “Those With Wisdom Should Live for the Masses.”

 

Written by Rodarat Supasri.
All of the images are from the Facebook Page of the United Front of Mahasarakham for Democracy, except for the photograph of the t-shirt, which was taken by the Museum.