5 เมษายน 2567 กลุ่ม Palestine Solidarity Thailand - PSC และนักเคลื่อนไหวปกป้องสิทธิมนุษยชนจัดการชุมนุมที่หน้าสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทยเพื่อแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในฉนวนกาซาและเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลหยุดยิง โดยนัดชุมนุมในเวลา 14.00 - 16.00 น.
การชุมนุมครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในการชุมนุมเพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชาวปาเลสไตน์และเรียกร้องให้มีการหยุดยิงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยใช้ #Ceasefirenow และ #Freepalestine เพื่อกระจายข่าวสาร รณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลยุติสงคราม
ในการชุมนุมครั้งนี้ ผู้ชุมนุมประกาศต่อสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ให้ส่งสารถึงรัฐบาลอิสราเอล เรียกร้องให้หยุดใช้สงครามเป็นเครื่องมือบีบบังคับประชาชนทั้งในด้านพื้นที่ เชื้อชาติ และศาสนา ตัวแทนประชาชนทั้งชาวมุสลิม คริสเตียน และพระสงฆ์ รวมถึงนักกิจกรรมผลัดกันพูดถึงประวัติศาสตร์ความขัดแย้ง ร้องเพลง และอ่านคัมภีร์ตามหลักศาสนา เพื่อแสดงออกซึ่งความไม่เห็นด้วยต่อการอ้างสิทธิเหนือดินแดนของชาวปาเลสไตน์โดยไม่ชอบธรรม ผู้ชุมนุมยังอธิบายถึงความเข้าใจผิดที่ประชาชนรวมถึงสื่อมวลชนมีต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์และยืนยันว่าพวกเขาไม่ต้องการความรุนแรง
ระหว่างการชุมนุม ตัวแทนกลุ่ม PSC ยังกล่าวด้วยว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ความรุนแรงได้คร่าชีวิตของเด็กและเยาวชนไปด้วย ซึ่งทางกลุ่มเห็นว่า เด็กและเยาวชนควรมีโอกาสเติบโตในพื้นที่ปลอดภัยมากกว่าในพื้นที่สงคราม ทว่าเด็กและเยาวชนในพื้นที่จำนวนมากยังอยู่ในสภาวะอดอยาก ไม่มีที่อยู่อาศัย และต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเร่งด่วน
ก่อนยุติการชุมนุม ตัวแทนผู้ชุมนุม อ่านแถลงการณ์ที่เขียนถึงรัฐบาลอิสราเอล เรียกร้องให้หยุดยิง หยุดการกวาดล้างชาติพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ รวมถึงเรียกร้องว่ารัฐบาลอิสราเอลต้องรับผิดชอบการกระทำที่เป็นอาชญากรรมสงคราม และกล่าวข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยให้พิจารณายุติความสัมพันธ์กับอิสราเอล ทั้งด้านการทูต การค้า การนำเข้าอาวุธสงคราม และสปายแวร์เพกาซัสสอดแนมนักกิจกรรมที่รัฐไทยใช้ เพราะทำให้ประเทศไทยเสี่ยงที่จะถูกประเมินด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงเรียกร้องการเยียวยาของรัฐให้คนไทยในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะ
ผู้อ่านแถลงการณ์กล่าวทิ้งท้ายว่า การละเมิดกฎหมาย และก่ออาชญากรรมสงครามของอิสราเอลในครั้งนี้จำเป็นต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับสงครามที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่ปัจจุบันยังไม่ถึงวันที่ผู้เกี่ยวข้องได้รับการพิพากษาและรับโทษ จึงขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนระมัดระวังการนำเสนอข้อมูล ตื่นตัวกับโฆษณาชวนเชื่อ รวมถึงมีวิจารณญาณในการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับอิสราเอลและปาเลสไตน์ด้วย เพราะในหลายครั้งความเข้าใจผิดและการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้
เรื่องและภาพโดย วรกมล องค์วานิชย์