Being Project นิทรรศการภาพถ่ายผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อความเท่าเทียมในสิทธิและศักดิ์ศรีของคนทุกเพศ จัดแสดงภาพถ่ายนู้ด 60 ภาพ ของนางแบบ 17 คน ที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศจากหลากหลายช่วงวัยและสาขาอาชีพ ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของศิลปินช่างภาพ กานต์ ทัศนภักดิ์ ซึ่งตัวของศิลปินเป็นชายข้ามเพศที่มีประสบการณ์ร่วมในการถูกตีตราและถูกกดทับในลักษณะเดียวกับนางแบบทั้ง 17 คนที่เข้าร่วมโครงการ จนเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานโปรเจคนี้
Being Project มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 และจะจัดแสดงที่ Atrium 1 ชั้น G Siam Center ไปจนถึงวันที่ 20 มีนาคม 2567
กานต์ ทัศนภักดิ์ ศิลปินเจ้าของผลงานให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าร่วมพิธีเปิดนิทรรศการเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ว่า เขาเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้เป็นเพราะมีคนตัวเล็กที่ไม่เชื่อง นิทรรศการภาพถ่ายนี้คือหนึ่งในภาพแทนของคนตัวเล็กที่ไม่เชื่อง โดยในขณะนี้มีการผูกขาดการนิยามเพศว่ามีสองเพศ และใครจะเป็นคนเพศไหนก็เป็นไปตามอวัยวะเพศของคนนั้นๆ ซึ่งคนที่มาร่วมในการถ่ายแบบครั้งนี้คือคนที่ลุกขึ้นมายืนยันเพศของตัวเองตามชีวิตและจิตใจของพวกเขาแม้การยืนยันของพวกเขาจะถูกสังคมปฏิเสธ นอกจากนั้นการถ่ายภาพนู้ด (NUDE) โดยปกติก็จะถูกผูกขาดอยู่กับพื้นที่ของเพศหลัก เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนมีคนที่มีวิถีทางเพศที่แตกต่างออกไปเข้ามาถ่ายภาพนู้ดก็มักจะไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องของศิลปะ หรือความสวยงาม หากแต่จะถูกมองว่าเป็นการเรียกร้องหรือความพยายามก่อกวนอะไรบางอย่าง
กานต์ระบุว่าตอนที่เขาถ่ายโปรเจคนี้แรกๆ เขาเคยส่งผลงานให้เพื่อนดู เพื่อนคนดังกล่าวยืนยันมาตลอดว่าเขาไม่มีอคติในประเด็นเกี่ยวกับเพศ แต่พอได้เห็นภาพก็พูดกับกานต์ว่าเขาเห็นด้วยกับวิธีคิดเบื้องหลังงานชุดนี้ เขาแค่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกานต์จึงเลือกใช้การถ่ายภาพนู้ดเพื่อสื่อสาร กานต์เลยถามเพื่อกลับไปว่า หากภาพนู้ดนี้เป็นภาพของคนเพศหลักไม่ว่าเพศหญิง หรือเพศชาย ไม่ใช่กระเทย เพื่อนของเขาจะตั้งคำถามหรือไม่ กานต์ระบุว่าเมื่อถูกเขาถามกลับเพื่อนของเขาก็ถึงกับอึ้งไป
กานต์กล่าวต่อไปว่าในมุมหนึ่งการจัดนิทรรศการภาพถ่ายครั้งนี้เขาเองก็มีความต้องการที่จะเข้าไปก่อกวนหรือ disrupt แนวคิดกระแสหลักในสังคม เขาจึงเลือก Siam Center ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเป็นสถานที่จัดงานเพื่อสื่อว่า ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ ไม่ว่าจะอยากดูหรือไม่คนที่เดินผ่านไปมาในพื้นที่ก็จะได้เห็นงานชุดนี้ เช่นเดียวกับที่คนข้ามเพศมีตัวตนจริงในสังคม ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ก็ตาม
สำหรับความท้าทายในการทำโปรเจคนี้ กานต์ระบุว่าเรื่องทุนคืออุปสรรคสำคัญ เพราะตัวเขาไม่ได้เป็นคนที่มีร่ำรวยอะไร และงานแสดงภาพถ่ายก็เป็นงานที่ต้องใช้ต้นทุนสูง กานต์ระบุว่าเขาต้องหยิบยืมเงินจากคนรู้จักมาเพื่อทำให้โปรเจคนี้เกิดขึ้นจนตัวเองเป็นหนี้อยู่เกือบล้าน เขาพยายามจะระดมทุนด้วยการขายเสื้อ แต่ลำพังเพียงการขายเสื้อก็คงไม่ได้สร้างรายได้ให้มากนัก ขณะที่สปอนเซอร์ก็หาลำบากเพราะด้วยเนื้อหาของงานทำให้ระบบ AI ปิดกั้นการเข้าถึงเพจของเขา เมื่อ engagement ต่ำก็ยากที่จะมีสปอนเซอร์เข้ามา
ความท้าทายอีกประการหนึ่งที่กานต์สะท้อนออกมาคือการทำงานกับนางแบบ ที่มาจากต่างสาขาอาชีพและช่วงอายุ หลายคนเขาก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อน แม้ในภาพถ่ายจะไม่เห็นของสงวน แต่ในขั้นตอนการทำงาน นางแบบทุกคนต้องเปลื้องผ้าทั้งหมด กานต์ระบุว่ามันเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่เขาจะต้องพูดคุยกับนางแบบให้มีความไว้วางใจและรู้สึกปลอดภัยตลอดขั้นตอนการทำงาน รวมถึงต้องส่งพลังให้นางแบบแต่ละคนด้วย เพราะสุดท้ายแล้วนอกจากช่างภาพแล้ว ผู้ชมเองก็จะได้เห็นเรือนร่างของตัวนางแบบด้วยเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่ได้เห็นทั้งหมดดังเช่นช่างภาพ ซึ่งตรงนี้กานต์ย้ำถึงความเคารพที่เขามีต่อนางแบบทุกคนที่กล้าที่จะเปิดเผยเรือนร่างซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวและศักดิ์ศรีของพวกเธอเพื่อยืนยันหลักการบางอย่าง
ปารมี ไวจงเจริญ หรือส.ส.จวง หนึ่งในนางแบบที่ร่วม Being Project นี้ระบุว่า เธอรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในนางแบบของโปรเจคนี้ สำหรับเธอ คนข้ามเพศน่าจะเป็นกลุ่มคนหลากหลายทางเพศที่สังคมมีความเข้าใจหรือรับรู้ความต้องการน้อยกว่ากลุ่มคนหลากหลายทางเพศกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องคำนำหน้านามที่มักเป็นปัญหา เวลาไปติดต่องานกับหน่วยงานราชการหรือเวลาไปผ่านตม.ต่างประเทศ พอเห็นคำนำหน้านามที่ไม่ตรงกับตัวตนทางเพศของพวกเธอก็มักถูกมองด้วยสายตาที่แปลกประหลาดหรือบางกรณีก็อาจมีการปฏิบัติหรือท่าทีที่ไม่ดี ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันการปฏิบัติอย่างมีอคติต่อคนข้ามเพศอาจจะไม่หนักเท่าเมื่อก่อนแต่มันก็ยังมีอยู่
ส.ส.จวงระบุว่าการมีส่วนร่วมในโปรเจคนี้เธอต้องการสื่อให้ผู้ชมเห็นว่า เมื่อมองที่
เรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเธอก็จะได้เห็นว่าคนข้ามเพศอย่างเธอเป็นเป็นมนุษย์ เป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นๆ ที่มีสิทธิศักดิ์ศรีไม่ต่างกัน
ศศิน กรณ์ถาวรวงศ์หรือหนูสี นางแบบที่มีอายุมากที่สุดในโครงการระบุว่า เธอเห็นว่าภาพนู๊ดในโครงการนี้เป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่งที่สื่อสารความในใจของคนข้ามเพศอย่างเธอ พื้นสีดำบนภาพเปรียบเสมือนสิ่งที่สื่อความในใจว่าตัวเธอเหมือนอยู่ในมุมมืดของสังคม เธอแค่อยากออกไปอยู่ในที่สว่าง อยากให้คนได้เห็นและเคารพตัวตนที่แท้จริงของเธอและยอมรับว่าคนข้ามเพศก็มีความสามารถไม่ต่างจากคนที่มีตัวตนทางเพศแบบอื่นๆ นอกจากนั้นการถ่ายภาพเปลือยยังเป็นการแสดงให้เห็นด้วยว่าตนตนเนื้อหนังของเธอเป็นหญิงจริงๆ ไม่ใช่แค่เครื่องแต่งกายหรือการแต่งตัว
เรื่องและภาพจากนิทรรศการโดย อานนท์ ชวาลาวัณย์
ภาพถ่ายนางแบบทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของคุณกานต์ ทัศนภักดิ์