เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยเป็นการรวมตัวของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงกลุ่มหนึ่งซึ่ง ณ. วันที่เก็บข้อมูล 30 พฤศจิกายน 2563 มีสมาชิกเครือข่ายประมาณ 50 คน
หนึ่งในสมาชิกกลุ่มซึ่งเป็นคนให้ข้อมูลระบุว่าจริงๆคนที่เข้ามาเป็นสมาชิกของเครือข่ายเคยเคลื่อนไหวร่วมกันมาตั้งแต่แฟลชม็อบช่วงต้นปีก่อนมีการจัดตั้งเครือข่ายอย่างเป็นทางการ แต่การเคลื่อนไหวภายใต้ชื่อเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงหลังเดือนมีนาคม 2563
ทางกลุ่มจัดกิจกรรมครั้งแรกอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2563 ภายใต้ชื่อ "รามคำแหงจะไม่ทน ขีดเส้นตาย ไล่รัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา" โดยเบื้องต้นตั้งใจจัดกิจกรรมที่ลานพ่อขุนแต่ในวันนั้นฝนตกหนักจึงต้องยายมาจัดกิจกรรมใต้ตึกศิลาบาตรแทน โดยในการจัดการชุมนุมครั้งนั้นทางกลุ่มเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาปีหนึ่งปีสองได้ขึ้นปราศรัยและยังเชิญผู้ปราศัยจากภายนอกอย่างครูใหญ่ขอนแก่นพอกันทีมาร่วมกิจกรรมด้วย
จากนั้นในช่วงต้นเดือนกันยายนทางกลุ่มได้ไปจัดกิจกรรมนอกสถานที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ภายใต้ชื่อ มหกรรมของเล่นเต่าล้านปีจากภาษีประชาชน นำอาวุธของเล่น เช่น รถถังหรือเรือดำน้ำไปมอบให้นายกรัฐมนตรีเพื่อเสียดสีกรณีที่รัฐบาลมุ่งจะซื้ออาวุธแม้ในท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ด้วย
หลังจากนั้นทางเครือข่ายก็ยังมีการจัดกิจกรรมเป็นระยะ และไปร่วมการชุมนุมต่างที่จัดโดยส่วนกลาง เช่น การชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ของกลุ่มคณะราษฎร 63 ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกกลุ่มรวม 3 คนถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกฝากขังระหว่างการสอบสวนในเรือนจำเป็นเวลา 6 วัน นอกจากจะร่วมกิจกรรมที่จัดโดยกลุ่มราษฎรแล้ว ทางเครือข่ายยังเดินสายไปร่วมการชุมนุมตามภูมิภาคต่างๆด้วย เช่น ที่หาดใหญ่ สงขลา เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563
แม้ว่าด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2563 จะทำให้ทางเครือข่ายให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวประเด็นโครงสร้างใหญ่สามประเด็นได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแห่งนายกรัฐมนตรี ต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชนและปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่วมกับกลุ่มราษฎรเป็นหลัก แต่ทางกลุ่มก็ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวในประเด็นการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรหรือการเคลื่อนไหวร่วมกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาต่างๆด้วย